เที่ยวเขมร 3 วัน 2 คืน เริ่มจากสุรินทร์ ด่านช่องจอม ชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนครวัด นครวัด – นครธม –ปราสาทตาพรหม – ปราสาทบันทายศรี – โตนเลสาบ ติดต่อเพิ่มเติมที่ 087- 6487368, 086-5883442 (ยุทธ) www.tourlaospakse.com - วันที่ 1 : ด่านช่องจอม – เมืองเสียมเรียบ – โตนเลสาบ – องค์เจคองค์จอม – เขาพนมบาเค็ง 07.00 น. อรุณสวัสดิ์...ยินดีต้อนรับสู่ ด่านช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ นำคณะรับประทานอาหารเช้า (1) 08.00 น. ถึงด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องจอม ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองทั้งไทยและกัมพูชาแล้วเดินทาง สู่เมืองเสียมเรียบ ชมบรรยากาศสองข้างทางของชาวเขมร และธรรมชาติตลอดเส้นทางสู่ เมืองเสียมเรียบ 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (2) ณ ภัตตาคาร 13.00 น. เช็คอินเข้าโรงแรม(โรงแรมสมายริ่ง หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว) พักผ่อนให้คลายเหนื่อย หลังจากที่เดินทางมาตลอดทั้งคืน 14.00 น. เดินทางไปชมทะเลน้ำจืดหรือ โตนเลสาบ ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดนมีชาวเวียดนามและเขมรอาศัยอยู่บนทะเลน้ำจืดเป็นจำนวนมาก ซึ่งประกอบอาชีพด้วยการประมง จากนั้นนำคณะไปนมัสการพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเสียบเรียบ องค์เจคองค์จอม ที่ชาวเสียมเรียบมักจะมานมัสการเป็นประจำทุกวันสำคัญขอโชคขอพรเพื่อความสำเร็จในการประกอบอาชีพการงาน และชมฝูงคางคาวแม่ไก่ที่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น 17.00 น. ชมพระอาทิตย์อัสดงที่ เขาพนมบาเค็ง ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศที่สวยงามของเมืองเสียบเรียบสวยงามตา จากเบื้องสูงเมื่อท่านมายืนอยู่บนเขาพนมบาเค็งนี้ เราจะชมพระอาทิตย์ที่ค่อยๆต่ำจนลับสายตา เป็นภาพที่ประทับใจมิรู้ลืม 18.30 น. รับประทานอาหารค่ำ (3) ณ ภัตตาคารในเสียมเรียบ พร้อมชมการแสดงพื้นเมือง 20.00 น. เดินทางเข้าโรงแรมที่พัก....พักผ่อนตามอัธยาศัย - วันที่ 2 : ปราสาทบันทายศรี – ปราสาทตาพรหม – ปราสาทบายอน – นครธม – นครวัด 07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม (4) 08.00 น. นำคณะเดินทางไปชม ปราสาทบันทายศรี ซึ่งสร้างตอนปลายสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมัน (พ.ศ. 1510) แต่มาเสร็จเอาในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ซึ่งเป็นพระราชโอรส แต่คนที่สร้างต่อจนเสร็จเป็นพราหมณ์ ชื่อ คุรุยัชญวราหะ ตัวปราสาทสร้างเป็นแนวราบเป็นปราสาทเล็กๆ สร้างด้วยหินทราย ด้วยการแกะสลักภาพนูนต่ำอย่างสวยงามมาก โคปุระของปราสาท บันทายศรี มีลวดลายงดงามมากจำหลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ผ่านโคปุระชั้นนอก ซึ่งมีกรอบประตูที่ไม่ใหญ่มากนัก จะเป็นทางเดินปูลาดด้วยหินทราย สองข้างทางปักด้วยเสานางเรียง ทำด้วยหินทรายเช่นกัน ห่างเป็นระยะๆ ถัดออกไปเป็นสระบารายขนาดเล็ก ซึ่งกินเนื้อที่อ้อมไปถึงกลุ่มตัวปราสาทด้านใน ปราสาทบันทายศรี หรือที่ชาวเขมรเรียกว่าบันเตร์เสรย แปลว่า ป้อมแก่งสตรี ถ้าแปลตามภาษาสันสกฤษซึ่ง ศรี แปลว่าความดีงามแล้วก็อาจจะแปลได้ว่า ป้อมที่สวยงามนั่นเอง จากนั้นนำคณะเดินทางไปชม ปราสาทตาพรม สร้างในปีพ.ศ.1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชมารดาเป็นในพระพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่โตมากกว่าสนามหลวงของไทย ตั้งอยู่กลางป่าและมีแมกไม้ขึ้นปกคลุม 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (5) 13.30 น. จานนั้นชมกลุ่ม ปราสาทนครธม เริ่มจากสะพานนาคราช ซึ่งด่านหนึ่งเป็นศิลาสลักเป็นรูปเทวดากำลังฉุดนาค ส่วนอีกด่านหนึ่งเป็นรูกอสูรที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 5 เท่าคนจริงรวมถึง 108 ตน และเป็นสะพานที่กษัตริย์เขมรใช้เป็นเส้นทางเสด็จผ่านออกเมืองนครธมของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นำชมประตูเมืองที่มียอดเป็นรูปพระโพธิสัตว์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศที่วิจิตราพิสดารกว่าในประตูเมืองในประเทศต่างๆที่เคยพบมา จากนั้นชม ปราสาทบายอน ซึ่งเป็นศุนย์กลางของอังกอร์ธม หรือนครธมเป็นสุดยอดของปราสาทเขมร ในยุคราขกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยอดปราสาทขนาดยักษ์ทุกหลังจะแกะเป็นเทวพักตร์ 4 หน้าหันออกไปทอดพระเนตรความเป็นไปและทุกข์สุขของประชาชนทั้ง 4 ทิศ เดินทางผ่านพลับพลาหรือบัลลังก์ช้างซึ่งเป็นฐานของพลับพลา สร้างด้วยหินจำหลักการจับช้างและครุฑยาวประมาณ 300 เมตร เป็นสถานที่กษัตริย์นั่งทอดพระเนตร การสวนสนาม การซ้อมรบ และการเฉลิมฉลองต่างๆ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ปราสาทนครวัด ปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่ อลังการ ตระการตาและได้รับการขนานนามให้เป็น สิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลก สร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่2 ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู เพื่อสร้างถวายพระศิวะ พระวิษณุ และพระนารายณ์ ว่ากันว่าการก่อสร้างปราสาทนครวัด ก็เปรียบเสมือนย่อส่วนจักรวาลตามคติความเชื่อของอินเดียโบราณที่ขอมรับมาอีกทอดหนึ่ง โดยตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันตก มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง 1300 เมตร และยาว1500 มีคูน้ำขนาดกว้าง 190 เมตร ยาวด้านละ 1900 เมตรล้อมรอบ เชื้อกันว่าการก่อสร้างใช้ช่างวิศวกรควบคุมการสร้าง 500 คนส่วนแรงงานใช้ถึงหนึ่งล้านคน พร้อมทั้งใช้ช้างลากหิน ห้าพันเชือก และใช้แพรบรรทุกหินจากพนมกุเลน อยู่ห่างจากเสียบเรียบ 65 กิโลเมตร โดยล่องมาทางลำน้ำเสียบเรียบถึง เจ็ดพันแพ ประมาณกันว่าใช้เวลาก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 37 ปี และนำท่านเดินทางข้ามสู่สะพานหินนาคราชที่มีความยาว 200 เมตร อันเปรียบเสมือนสะพานรุ้งที่เสื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์ตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของภาพจำหลักนูนต่ำ เรื่องมหาภารยุทธ์เรื่องรามเกรียรติ์ ภาพพระนารายณ์ อวตารในปางต่างๆการตรวจสอบของพระเจ้าสุริยะวรมันที่2 ภาพทหารขำขันของกองทัพแห่งกรุงสยามซึ่งเรียกกองทัพเสียมกุก ชมภาพการกวนเกษียรสมุทร เพื่อให้ได้น้ำอมฤตซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และมีความยาวถึง 49 เมตร และภาพจำหลักนูนต่ำที่สะดุดตาที่สุด อีกกลุ่มหนึ่งคือภาพเทพอัปสร หรือนางอัปสร จำนวนถึง 1635 นาง สลักอยู่บนฝาผนังระเบียงและโคปุระทุกชิ้น ซึ้งแต่ละนางแต่งกายและเครื่องประทับที่แตกต่างกัน ว่ากันว่าถ้าจำแนกทรงผมจะได้ถึง 36 ทรงผม และชมนางอัปสรา ที่ลักษณะแปลกๆ อาทิอัปสรายิ้มเห็นฟันอัปสราเผยอลิ้น 2 แฉก อัปสราทรงผมเซล่ามูนอุปสราใส่กางเกงขาสั้น สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับที่พัก 18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ(6) ณ ภัตตาคารในเสียมเรียบ พร้อมชมการแสดงพื้นเมือง 19.00 น. เดินทางเข้าโรงแรมที่พัก....พักผ่อนตามอัธยาศัย - วันที่ 3 : วัดใหม่ – ตลาดซาจ๊ะ – ด่านช่องจอม 07.00น. รับระทานอาหารเช้าในโรงแรม (7) 08.00น. เยี่ยมชมภาพประวัติศาสตร์ในสมัยเขมรแดง ณ วัดใหม่ 10.30น. เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึกฝากทางบ้านที่ ตลาดเก่าซาจ๊ะ เสียมเรียบ อาทิ ปลากรอบ ของที่ระลึกต่างๆ 12.00น. รับประทานอาหารกลางวัน (8) อิ่มหนำสำราญแล้วเดินทางสู่ชายแดนช่องจอม 16.00น. ถึง ด่านช่องจอม ตรวจเอกสารผ่านแดน จากนั้นนำท่านออกเดินทางกลับ...................โดยสวัสดิภาพ อัตรานี้รวม 1. ค่ารถปรับอากาศระหว่างการเดินทาง 2. ค่าโรงแรมที่พักพร้อมอาหาร 8 มื้อ 3. ค่าเข้าชมโบราณสถาน 4. มัคคุเทศก์ท้องถิ่น บรรยายภาษาไทย 5. น้ำดื่ม ตลอดการเดินทาง 6. พนักงานบริการ คอยให้ความช่วยเหลือ และดูและคณะตลอดรายการ 7. ค่าเอกสารผ่านด่านไทย-เขมร 8. วงเงินประกันท่านละ 1,000,000 บาท/ท่าน อัตรานี้ไม่รวม 1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ภาษีหัก ณ ที่ จ่าย 3% 2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 3. ค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดจากการกระทำของลูกทัวร์ 4. ค่าทริปไกด์