โครงการรณรงค์ กระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ ทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี โดย นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ รณรงค์โครงการร่วมกับภาคเอกชนอย่างเป็นทางการ ภายใต้การบริหารและแนวความคิดแผนงานของบริษัท ดิอายส์ดีท์ จำกัด (The Eye D Co.,Ltd.) และในครั้งนี้ ได้ร่วมรณรงค์ในงาน “วันแม่แห่งชาติ” กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา ภายใต้ชื่องาน “พลังแห่งรัก...แม่ของแผ่นดิน” ในวันที่ 12-15 สิงหาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 18.00น. ถึง 24.00น ณ บริเวณสวนอัมพรและลานพระราชวังดุสิต. น.ส.สิริกิติยา ทัศนวิสุทธิ์ ผู้บริหารแผนงานโครงการรณรงค์กระเป๋ากันง่วง....ลดอุบัติเหตุ ได้กล่าว ถึงวัตถุประสงค์การรณรงค์ให้สื่อมวลชนร่วมเผยแพร่ข่าวและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของ “โครงการรณรงค์กระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ“ ได้จัดทำกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ สำหรับวางข้างกายคนขับ ซึ่งข้างกระเป๋าจะมีข้อความบอกถึงอันตรายของการง่วงแล้วขับ และมีวิธีป้องกันง่ายๆ ด้วยตัวเอง ในกระเป๋านี้บรรจุของ ที่จำเป็น 9 อย่าง ได้แก่ ลูกอมโกปีโก้ หมากฝรั่งลอตเต้แบล็ก แบล็ก ยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว/ ยาดมเพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ กาแฟกระป๋องแบล็คอั๊ฟ/ยูเอฟซี เครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์/กระทิงแดง,คาราบาวแดง, M 150 หมอนรองคอ หน้ากากหน้ากากปิดตา ปลั๊กอุดหู เพื่อให้คนขับหยิบใช้ได้ทันทีเมื่อเกิดอาการง่วงหรือต้องการพักผ่อน เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุและทรัพย์สินและชีวิตจากการหลับใน เน้นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับ "ง่วงแล้วหลับใน " สำหรับการร่วมกิจกรรมรณรงค์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ให้เด็กไทยได้ระลึกถึงพระคุณของมารดา พร้อมมอบของที่ระลึกโครงการ “กระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ กับกิจกรรมเสริมสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก ของทีมงานพีอาร์ ตอบคำถามเกี่ยวกับ “ง่วงหลับใน “ รับกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุฟรี!!!! “ซึ่งเป็นกิจกรรมก่อให้เกิดความสุข สนุกสนานเพลิดเพลิน อีกทั้งเสริมสร้างประสบการณ์ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันตนเองเมื่อมีอาการง่วงหลับใน และได้กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการรณรงค์กระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ ได้เน้นแผนเชิงรุการรณรงค์ กิจกรรมRoad Show และกำหนดแผนยุทธศาสตร์ช่องทางการแจกกระเป๋ากันง่วง....ลดอุบัติเหตุจนถึงปลายปี 2553 ตามวัตถุประสงค์ของ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี และคุณสิริกิติยา ทัศนวิสุทธิ์ ผู้บริหารแผนงานโครงการรณรงค์กนะเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ ได้กล่าวถึงความสำคัญของ “ กระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ” ว่าจาการรณรงค์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 ได้จัดกิจกรรม Road Show มาตลอด และจะดำเนินกิจกรรม Road Show จนกระทั่งถึงปลายปี 2553 ประเด็นการมุ่งนำเสนอสื่อที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพจากตัวกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ ซึ่งข้างกระเป๋าจะมีข้อความมีข้อความกระชับ ชัดเจน บอกถึงอันตรายของการง่วงแล้วขับ และมีวิธีป้องกันง่ายๆ ด้วยตัวเอง เพื่อให้คนขับหยิบใช้ได้ทันทีเมื่อเกิดอาการง่วงหรือต้องการพักผ่อน ข้อความของสื่อกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ สามารถช่วยเตือนสติผู้ขับขี่ได้ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนขับรถได้โดยตรง อีกทั้งการรณรงค์โครงการดังกล่าว เน้นยุทธศาสตร์การรณรงค์ให้เกิดการตื่นตัวร่วมกับทางภาคเอกชน เสริมสร้างขยายฐานเครือข่ายสนับสนุนการผลิตกระเป๋ากันง่วง... ลดอุบัติเหตุ และมีบทบาทร่วมรณรงค์การลดอุบัติเหตุอันเกิดจาก ง่วงหลับใน กับทางภาครัฐบาลอย่างเป็นทางการ จากการรณรงค์ที่ผ่านมาเป็นการเพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐบาล รวมถึงการสนับสนุนในช่องทางเดิมที่ดีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะ อุบัติเหตุที่เกิดจากการง่วงแล้วหลับในเป็นสาเหตุสำคัญอย่างน้อย 20 % ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรทั่วโลก กิจกรรมรณรงค์การแจกกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุฟรี แก่กลุ่มเป้าหมายที่ขับรถโดยตรง เพื่อให้ตรงกับนโยบายแผนงานการรณรงค์ คือ เน้นภาพความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นหลัก จากแผนงานจะเป็นกลไกผลักดันสื่อซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนงานการสื่อสารที่หนักแน่น เพื่อการรณรงค์ให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากการ “เมื่อมีอาการง่วงแล้ว ไม่ควรขับ” กลุ่มเป้าหมายและช่องทางการแจกกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุในปี 2553 มุ่งเน้นกลุ่มคนขับรถนักเรียน, คนขับรถโดยสารสาธารณะ, บขส., รถร่วม บขส, ขสมก, รถประจำทาง, รถทัวร์, รถแท๊กซี่ รถตู้, รถบรรทุกวัตถุอันตราย เช่น รถบรรทุกน้ำมัน,บรรทุกก๊าซ, รถจักรยานยนต์รับจ้าง และพนักงานขับรถไฟ เป็นต้น นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ กล่าวว่าอุบัติเหตุจาก ง่วงหลับในอาจถึงตายได้ทันทีหลับในขณะขับรถเป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นปรากฏการณ์ที่พบบ่อยจากการศึกษาของมูลนิธินอนหลับแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่ามากถึงหนึ่งในสามของคนอเมริกัน เคยหลับในขณะขับรถทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี ได้สำรวจคนไทยโดยใช้แบบสอบถามคนขับรถหลายประเภททั้งคนขี่จักรยานยนต์ คนขับ รถเก๋ง รถบรรทุกน้ำมัน รถทัวร์ รถโดยสาร บขส. และ ขสมก. พบว่าร้อยละ 28-53 เคยหลับในขณะขับรถหลับในเป็นการหลับสั้นๆ แวบเดียวไม่เกิน 10 วินาที เป็นการหลับตื้นๆ ปลุกตื่นได้ง่ายหรืออาจสะดุ้งตื่นเอง ตายังอาจเปิดอยู่ขณะหลับในหลับในอันตรายมาก เพียงหลับ 4 วินาที ถ้ารถวิ่งด้วยความเร็ว 90 กม/ชม รถจะวิ่งต่อไปอีก 100 เมตรโดยที่ไม่มีคนควบคุมรถ ลักษณะการชนจะรุนแรงมาก เพราะคนขับไม่ได้หักหลบหรือเหยียบเบรกทำให้บาดเจ็บบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิตได้ทันที หลับในเป็นสาเหตุสำคัญอย่างน้อยร้อยละ 20 ของการเสีย ชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรของประเทศที่เจริญแล้ว แต่ในประเทศไทย รายงานอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2550 มีอุบัติเหตุจากการหลับในเพียง 500 กว่าราย หรือคิดเป็นร้อยละ 0.8 ของอุบัติเหตุทั้งหมด สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงรับทุนง่วงอย่าขับฯไว้ในพระอุปถัมภ์ พ.ศ.2548ทรงห่วงใย คนที่ง่วงและฝืนขับแล้วเกิดหลับใน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุต่อตัวเองและผู้อื่น ทรงมีรับสั่งให้ทุนง่วงอย่าขับประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อทุกประเภทให้คนไทยตระหนักถึงอันตรายของการหลับ คนที่ง่วงและฝืนขับแล้วเกิดหลับใน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุต่อตัวเองและผู้อื่น ทรงมีรับสั่งให้ทุนง่วงอย่าขับประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อทุกประเภทให้คนไทยตระหนักถึงอันตรายของการหลับ อาการง่วงหลับในเกิดขึ้นได้จาก 4 สาเหตุใหญ่ๆ 1. อดนอน นอนไม่พอ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด 2. ยาที่ทำให้ง่วง เช่นยาแก้หวัด ยาแก้ภูมิแพ้ 3. แอลกอฮอล์ 4. โรคประจำตัวที่นอนเท่าไรก็ยังง่วง เช่นโรคนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ หลับในไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ไม่ได้เกิดขึ้นทันที จะมีอาการง่วงเป็นสัญญาณเตือนมาก่อนเสมอ ถ้าคนขับเพิกเฉยไม่สนใจทนฝืนขับต่อไป ความง่วงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดการหลับในไม่มีเครื่องมือ อะไรจะตรวจวัดความง่วงได้ดีเท่ากับความรู้สึกของตนเอง คนขับต้องหมั่นถามตัวเองว่าง่วงหรือยังเป็นระยะๆ สาเหตุ–แนวทางแก้ไข “ ความง่วง ” น.พ. มนูญ ลีเชวงวงศ์ ได้อธิบายถึงปัจจัย 4 ประการ ที่เป็นสาเหตุของความง่วงว่า เกิดจากการอดนอนหรือ พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงการกินยาบางประเภทที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกทั้ง การมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น นอนกรน และโรคหยุดหายใจขณะหลับ ล้วนเป็นสาเหตุหนึ่งของความง่วง เนื่องจากโรคเหล่านี้มีผลต่อการนอน สำหรับแนวทางป้องกันและแก้ไข “ความง่วง” น.พ. มนูญ ได้ให้คำแนะนำว่า “ผู้ขับขี่รถยนต์ในช่วงเทศกาลวันหยุด ยาวและเทศกาลปีใหม่ ควรจอดพักทุกๆ ชั่วโมงครึ่ง และหมั่นสังเกตอาการเตือนของสัญญาณง่วง เช่น หาวนอน ไม่หยุด ตาลืมไม่ค่อยขึ้น และเมื่อความ ง่วงนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การบังคับรถจะเริ่มทำได้ยาก ผู้ขับรถจะมีอาการจิตใจล่องลอย และจำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่บอกว่าผู้ขับนั้นง่วงนอนมากจนควร .ที่จะจอดรถเพื่อดื่มกาแฟ และ งีบสัก 15 นาที ก่อนที่จะขับรถต่อ เพื่อความปลอดภัย” ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับฯ กล่าวทิ้งท้าย Great minds and partnership Corporate Public Affairs Communications &Social Responsibility Program การสื่อสารเชิงรุกการตลาดและภาพลักษณ์กิจกรรมสังคม Public Relations Head Office : For more information, please contact : Tel./ Fax 02-728-1732 (Auto lines) E-mail : great.5614@gmail.com Great minds and partnership Corporate Public Affairs Communications &Social Responsibility Program การสื่อสารเชิงรุกการตลาดและภาพลักษณ์กิจกรรมสังคม Public Relations Head Office : For more information, please contact : Tel./ Fax 02-728-1732 (Auto lines) E-mail : great.5614@gmail.com